ประสบการณ์ธรรม คุณกมลกาญจน์

ข้าพเจ้าชื่อกมลกาญจน์ เป็นศิษย์ในสายธรรมเตโชวิปัสสนาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ก่อนที่ข้าพเจ้าจะรู้จักสายธรรมนี้ ข้าพเจ้าได้เคยปฏิบัติธรรมตามแนวทางของคุณแม่สิริ กรินชัย เป็นเวลา 1 สัปดาห์ แต่ไม่ได้ปฏิบัติอย่างจริงจัง ส่วนสามีของข้าพเจ้านั้นมีความสนใจในธรรมะตั้งแต่ก่อนแต่งงาน เคยเอ่ยว่าถ้าเกษียณจะขอบวชตลอดชีวิต
.
ตั้งแต่แต่งงานกันมา เมื่อสามีข้าพเจ้าอ่านหนังสือธรรมะของหลวงพ่อท่านใดที่เขาสนใจ แล้วเกิดศรัทธา เขาก็จะไปเรียนวิปัสสนากับหลวงพ่อท่านนั้น และมักจะชวนข้าพเจ้าไปด้วยเสมอ แต่ข้าพเจ้าก็ปฏิเสธมาตลอด จนวันหนึ่ง สามีได้อ่านหนังสือ “เตโชวิปัสสนาเปิดประตูนิพพาน” หลังจากอ่านหนังสือจบ เขาก็ค้นหาคลิปธรรมบรรยายของท่านอาจารย์ในยูทูปเพื่อเปิดฟังช่วงรุ่งเช้า เมื่อข้าพเจ้าตื่นขึ้นมาและได้ยิน ก็ได้เอ่ยคำที่ไม่เหมาะสมเกี่ยวกับท่านอาจารย์ออกมา แล้วก็ปล่อยผ่านไปโดยไม่ได้ใส่ใจ
.
หลังจากที่สามีข้าพเจ้าได้ติดตามฟังธรรมบรรยายและอ่านหนังสือของท่านอาจารย์มาระยะหนึ่ง จึงเกิดศรัทธา และจะสมัครเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมเหมือนเช่นที่เคยกระทำมา แต่ครั้งนี้ไม่ได้ชวนข้าพเจ้า เพราะเห็นว่าชวนมาหลายครั้งแล้วไม่เคยไป แต่เมื่อข้าพเจ้าทราบ กลับขอตามไปด้วย สามีบอกว่า “ที่นี่..การปฏิบัติเคร่งครัดมาก จะไหวหรือ” ข้าพเจ้ายืนยันว่า “ไหวสิ”
ดังนั้น จึงได้สมัครไปเข้าคอร์สด้วยกัน
.
ในวันแรกของการเข้าคอร์สเตโชวิปัสสนากรรมฐาน ข้าพเจ้าก็ได้พบหนทางที่ใช่แล้ว เมื่อจิตสงบ จิตผู้รู้บอกว่า “ข้าพเจ้าเคยปรามาสท่านอาจารย์” ข้าพเจ้าเถียงในใจว่า “ไม่เคย”
จากนั้นเรื่องราวในตอนเช้าที่ข้าพเจ้าตื่นขึ้นมาและได้ยินเสียงธรรมบรรยายจากยูทูปก็ดังขึ้นมาในหู และได้ยินเสียงตัวเองเอ่ยคำไม่เหมาะสมออกมา ข้าพเจ้าร้องไห้โฮทันทีในขณะกำลังปฏิบัติภาวนาที่หอปฏิบัติ และได้น้อมกราบขอขมาต่อท่านอาจารย์ในช่วงสอบอารมณ์ ท่านอาจารย์เมตตาให้อโหสิกรรมและให้ไปขอขมาอีกครั้งที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ข้าพเจ้าเดินไปที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์พร้อมกับน้ำตาที่ไหลนองหน้าไปตลอดทาง หลังจากจบคอร์สในครั้งนั้นแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งใจในสามียิ่งนักที่เป็นสะพานบุญให้ข้าพเจ้าได้มาเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์
.
ผลจากการเข้าคอร์สครั้งแรกนี้ ทำให้ข้าพเจ้ากับสามีมีความเข้าใจกันมากขึ้น ซึ่งก่อนไปปฏิบัติธรรมที่นี่ เมื่อใดที่ข้าพเจ้าโกรธขึ้นมา จะไม่พูดกับสามีเป็นอาทิตย์จนกว่าสามีจะมาง้อ บางครั้งสามีก็งงว่า เขาพูดอะไรผิด (สามีเป็นคนพูดตรง มักทำให้ข้าพเจ้าเสียใจ และโกรธกันบ่อยครั้ง) ส่วนกับบุตรของข้าพเจ้า ถ้าทำอะไรที่ขัดใจ ข้าพเจ้าจะทุกข์กับบุตรเป็นอย่างมาก มาช่วงหลังที่ได้เข้าคอร์ส ข้าพเจ้าปล่อยวางได้มากขึ้น จึงไม่ค่อยทุกข์กับบุตรเหมือนดังก่อน
.
ข้าพเจ้าภาวนาทุกวันอย่างมีวินัยมาตลอด มาช่วยงานธรรมสถานอย่างสม่ำเสมอ เช่น งานซ่อมแซมธรรมสถาน ข้าพเจ้าก็ไปเป็นจิตอาสา “ช่างช้างน้อย” และมีโอกาสพบกับอาจารย์โสภิต โดยคำแนะนำของพี่สายสวลี ศิษย์เตโชฯ เชียงราย ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจมากที่ได้ช่วยงานอาจารย์โสภิต เพราะคิดเสมอว่า การได้ช่วยงานอาจารย์โสภิต ก็เหมือนได้ช่วยแบ่งเบางานของท่านอาจารย์
.
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 ได้เข้าคอร์สครั้งที่ 4 ข้าพเจ้าเกิดสภาวะจิตปีติ จิตมีความกตัญญู ในขณะกินข้าวข้าพเจ้าก็ร้องไห้ไปด้วย จนกินแทบไม่ลง รู้สึกอายคนข้าง ๆ จึงไปร้องไห้ในเรือนนอน เมื่อนึกถึงความเมตตาของท่านอาจารย์ นึกถึงทุก ๆ สิ่งที่ท่านอาจารย์ได้เมตตาทำเพื่อลูกศิษย์ ข้าพเจ้ารู้สึกปลาบปลื้มใจที่ในชาตินี้นับว่าเป็นบุญวาสนาที่ท่านอาจารย์ได้เมตตารับข้าพเจ้าเป็นศิษย์ มีสิ่งใดหนอที่ข้าพเจ้าจะสามารถตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้บ้าง และแล้ววันนั้นก็มาถึง แม้เป็นงานส่วนน้อยนิด แต่ก็ภูมิใจที่ได้ช่วยงานในสิ่งที่ข้าพเจ้าสามารถทำได้ ในโอกาสครบรอบ 11 ปี สายธรรมเตโชวิปัสสนา
.
ข้าพเจ้าเป็นธุระนำพาอาจารย์โสภิต ตระเวนหาโรงงานจัดทำถ้วยกาแฟ “ที่ระลึก 11 ปี สายธรรมเตโชวิปัสสนา” และนำส่งถ้วยกาแฟให้กับทีมงานที่บ้านอาจารย์โสภิต โดยข้าพเจ้าและสามีขับรถไป-กลับ ลำปาง-แก่งคอยเอง เพราะอยากตอบแทนพระคุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์ด้วยใจจริง งานผ่านไปได้ด้วยดี หลังจากผ่านไปได้ประมาณ 3 อาทิตย์ ขณะภาวนาตามปกติในตอนกลางคืน จิตผู้รู้บอกให้ข้าพเจ้าเขียนบอกเล่าเรื่องราวการรับอาสาและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางขนส่งถ้วยกาแฟ แต่ข้าพเจ้าไม่รู้จะเขียนอย่างไร จึงวางเฉยไม่ยอมเขียน จนกระทั่งเวลาผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์ ก็มีเสียงบอกในจิตขณะภาวนาว่า ให้ข้าพเจ้าเขียนเล่าประสบการณ์อีก ข้าพเจ้าเลยตอบแย้งในใจว่า จะให้เขียนยังไงล่ะ เสียงจิตก็บอกขึ้นมาว่า ให้เขียนเรื่อง “ขอสร้างบารมีด้วยจิตกตัญญู” ตามความเป็นจริง ข้าพเจ้าจึงปรึกษากับสามี ซึ่งเขาก็เห็นว่าควรจะเขียน
.
เริ่มเรื่องเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2565 ตอนบ่าย ๆ ข้าพเจ้าได้รับโทรศัพท์จากศิษย์พี่ที่อยู่จังหวัดเชียงรายว่า “อาจารย์โสภิตจะมาที่จังหวัดลำปาง ให้ไปคอยต้อนรับที่โรงแรมที่อาจารย์มาพักนะ แล้วพาอาจารย์ไปหาโรงงานผลิตถ้วยกาแฟเซรามิกด้วย” ข้าพเจ้าถามว่า “อาจารย์จะมาถึงกี่โมง” ศิษย์พี่บอกว่า “ไม่รู้ ไปรอที่โรงแรมก็แล้วกัน” ส่วนศิษย์พี่จะเดินทางไปสมทบทีหลัง ข้าพเจ้ารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ต้อนรับอาจารย์ ในสมองก็คิดว่าจะพาอาจารย์ไปโรงงานไหนดี เพราะลำปางมีโรงงานเซรามิกเยอะมาก คงต้องตระเวนหลายที่
.
ประมาณบ่ายสองโมงกว่า ข้าพเจ้าเดินทางไปที่โรงแรม ทันทีเมื่อจอดรถเสร็จ กำลังจะเข้าไปสอบถามพนักงานในโรงแรม เห็นอาจารย์โสภิตกำลังลงจากรถตู้ที่หน้าตึกโรงแรมพอดี ข้าพเจ้าเข้าไปเรียนอาจารย์ว่า ศิษย์พี่ที่อยู่เชียงรายให้มาต้อนรับอาจารย์ก่อน อาจารย์เอ่ยกับข้าพเจ้าว่า อยากไปดูโรงงานเซรามิกเลยที่ใกล้ ๆ แถวนี้มีมั้ย ศิษย์ที่ติดตามมาด้วยบอกว่า อาจารย์นั่งรถมาไกลอยากให้พักก่อน อาจารย์บอกอยากไปดูเลย ยังไม่พัก ไม่เหนื่อย ข้าพเจ้าดูเวลายังพอทันก่อนที่โรงงานจะเลิกงาน จึงพาไปดูโรงงานแรก อาจารย์ยังไม่ถูกใจ เพราะสียังไม่ขาวใสพอ ศิษย์พี่เดินทางจากเชียงรายมาพบกันที่โรงงานพอดี จึงออกจากโรงงานไปรับประทานอาหารมื้อเย็นด้วยกัน และก่อนแยกย้ายกลับที่พัก ข้าพเจ้าได้ปรึกษากับศิษย์พี่ว่า พรุ่งนี้จะพาอาจารย์ไปดูโรงงานไหนดี เพราะถึงแม้ว่าลำปางจะขึ้นชื่อเรื่องเซรามิก แต่แต่ละโรงงานก็จะมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน
.
ข้าพเจ้านึกถึงเพื่อนที่เป็นผู้จัดการอยู่โรงงานเซรามิกขึ้นมาได้ นาน ๆ จะติดต่อกันที เพราะอยู่ไกลถึงอำเภอสบปราบ ส่วนข้าพเจ้าอยู่อำเภอเมืองลำปาง เลยบอกศิษย์พี่ว่า จะลองเรียนเสนออาจารย์มั้ย เพราะบริษัทโฮม พอตเทอรี ที่เพื่อนของข้าพเจ้าเป็นผู้จัดการอยู่นั้น เขาจะรับทำแต่ออเดอร์ส่งออกต่างประเทศ ไม่รู้จะรับทำถ้วยกาแฟให้เราหรือเปล่า และบริษัทนี้ เซรามิกจะออกสีขาวใส ๆ เหมือนที่อาจารย์อยากได้ แต่อยู่ไกล ขับรถไป-กลับประมาณ 114 กิโลเมตร ศิษย์พี่กับข้าพเจ้าตัดสินใจเรียนให้อาจารย์ทราบ อาจารย์ตกลงจะไปดู ข้าพเจ้าจึงได้นัดหมายกับเพื่อน
.
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเดินทางไปถึง เพื่อนของข้าพเจ้าให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ให้ดูแบบตัวอย่างที่ทำมาแล้วและนำเสนอหากอาจารย์จะให้ออกแบบใหม่ กว่าจะสรุปแบบที่อยากได้ ใช้เวลาถึงเที่ยง โดยอาจารย์สั่งผลิตใหม่ 250 ชุด และวางเงินมัดจำเรียบร้อย
.
พอถึงวันนัดรับของ เพื่อนของข้าพเจ้าโทรมาบอกว่า ทางโรงงานบริการจัดส่งถ้วยกาแฟให้โดยขอคิดค่าบริการขนส่ง ข้าพเจ้าคิดในใจว่า “ข้าพเจ้าขอขนถ้วยกาแฟทั้งหมดนี้ไปส่งด้วยตัวเอง” จึงปรึกษากับสามี ซึ่งเขาเห็นด้วย ข้าพเจ้าได้เรียนอาจารย์โสภิตว่า _ข้าพเจ้าขอรับอาสาขนส่งแก้วกาแฟไปที่แก่งคอยเอง อาจารย์บอกว่ามันไกลนะ จะขนยังไง ข้าพเจ้าบอกอาจารย์ว่า “ศิษย์ขอสร้างบารมี เพื่อตอบแทนพระคุณท่านอาจารย์_และอาจารย์ ขนใส่รถเก๋งของศิษย์นี้แหละไป”
.
ระยะทางจากลำปางไปแก่งคอย 538 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 8 ชั่วโมงต่อครั้ง ข้าพเจ้ากับสามีออกเดินทางไปวันเสาร์ประมาณตี 5 หรือ 6 โมงเช้า และกลับวันอาทิตย์ บางครั้งกลับถึงลำปาง 2 ทุ่ม บางครั้งถึง 4 ทุ่มก็มี เพราะต้องปรึกษาพูดคุยกับทีมงาน ใช้เวลา 4 สัปดาห์จึงขนส่งแก้วกาแฟทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย
.
ในการเดินทางแต่ละครั้ง ข้าพเจ้ากับสามีรู้สึกอิ่มเอิบใจที่ได้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเลยสักนิด กลับมีความสุขที่ได้มีโอกาสรับใช้พ่อแม่ครูอาจารย์ .
สัปดาห์สุดท้ายที่ขนส่งถ้วยกาแฟมาที่แก่งคอย ขากลับ สามีของทีมงานคนหนึ่งได้บอกว่า ยางรถล้อหลังดูอ่อนผิดปกติ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้แก่ข้าพเจ้าและสามีเป็นอย่างมาก
โดยปกติข้าพเจ้าจะเป็นผู้ขับรถ และไม่ค่อยได้สังเกตล้อยางรถยนต์ แต่ข้าพเจ้าดูด้วยสายตาแล้วก็ปกติดี เมื่อขับรถออกจากแก่งคอยประมาณบ่ายสองโมงกว่า มาถึงลพบุรี ฝนตกตลอดทางจึงขับรถไม่เร็วมาก จนมาถึงกำแพงเพชรเป็นเวลา 2 ทุ่มแล้ว ข้าพเจ้าเลยชวนสามีพักค้างคืนที่โรงแรมในกำแพงเพชร เพราะฝนตกแบบนี้กว่าจะถึงลำปางก็จะดึกเกินไป
.
รุ่งเช้าหลังออกจากโรงแรมจึงแวะปั๊มน้ำมัน ตรวจสอบลมยางรถยนต์ล้อหลังพบว่าเหลือ 1.5 Bar เท่านั้น รู้สึกผิดปกติ (ลมยางปกติ 2.5 Bar) เลยขับรถวนหาร้านยางให้ช่างตรวจสอบ เพราะรู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากต้องเดินทางไกล ช่างบอกว่า มีลวดแทงด้านข้างแก้มยางรถ ข้าพเจ้ากับสามีมองหน้ากัน อึ้งจนพูดไม่ออก เพราะถ้าเราสองคนเดินทางกลับเมื่อคืนนี้ อาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ หรือยางแบนกลางทางเปลี่ยว แล้วฝนก็ตกตลอดทางด้วยจะอันตรายมาก ๆ
ในที่สุด จึงต้องเปลี่ยนยางใหม่ เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าพเจ้าอดคิดไม่ได้ว่า พ่อแม่ครูบาอาจารย์ดลใจให้พักค้างคืนที่จังหวัดกำแพงเพชรแน่ ๆ เพราะโดยปกติ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาข้าพเจ้าจะไม่แวะพักระหว่างทางเลย จะเดินทางยาวถึงลำปางจนดึกดื่น ดังกล่าวข้างต้น
.
ระหว่างการจัดเตรียมส่งถ้วยกาแฟให้กับผู้ที่สั่งซื้อ ทีมงานต้องจัดแพ็คของให้ตรงกับชื่อผู้ที่สั่งซื้อ เช่น หมายเลขถ้วยกาแฟ สีกล่องที่สั่งจอง วันที่จะมารับ ในวันนั้นต้องทำงานกันจนถึงตีสอง เนื่องจากโรงงานจัดของไม่ตรงกับที่ทีมงานแจ้งไว้ เมื่อถึงของชิ้นสุดท้าย ปรากฏว่าสีกล่องไม่ตรงกับหมายเลขที่สั่ง จึงต้องย้ายถ้วยไปใส่กล่องที่สีตรงกับที่ผู้สั่งต้องการ ขณะนั้นคิดว่างานเสร็จสิ้นแล้ว แต่ข้าพเจ้าไปเจอกล่องที่วางอยู่ด้านหลังบริเวณที่ทำงานอีก 1 ใบ สีตรงกับที่สั่งจองไว้ จึงได้ย้ายถ้วยกาแฟให้ตรงกับสีกล่อง และเมื่อตรวจสอบหมายเลขถ้วยกาแฟทั้งคู่ขณะย้ายแล้ว หมายเลขไม่ตรงกัน จึงได้ย้ายถ้วยกาแฟให้ตรงกันทั้ง 2 ใบ ช่างบังเอิญจริง ๆ ที่เจอหมายเลขไม่ตรงกันในกล่องสุดท้าย มิฉะนั้นจะมี 2 กล่องที่หมายเลยไม่ตรงกับที่ผู้สั่งต้องการโดยเราไม่รู้
. เสร็จจากงานส่งถ้วยกาแฟ ข้าพเจ้ายังทำหน้าที่จัดหาสินค้ามาวางขายที่ หอมนสิการ รวมทั้งเป็นจิตอาสาขายของที่ระลึกอีกหลายครั้ง บางครั้งข้าพเจ้าขับรถไปแก่งคอยคนเดียวเพราะสามีต้องทำงาน ช่วงเวลาแห่งภารกิจตอบแทนพระคุณพ่อแม่ครูอาจารย์นี้ ทำให้ข้าพเจ้านึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่จิตผู้รู้มาบอกให้เขียนเรื่อง “ขอสร้างบารมีด้วยจิตกตัญญู” ว่า ได้สร้างบารมีอย่างแท้จริง ได้ตั้งจิตอธิษฐานบารมีว่า ขอทำหน้าที่ขนส่งถ้วยกาแฟด้วยตนเอง และก็ทำสำเร็จตามที่ให้คำมั่นกับอาจารย์โสภิตไว้ เกิดเป็นสัจจบารมี ขับรถไป-กลับ ๆ นับหมื่นกิโลเมตรด้วยความอดทน เกิดเป็นขันติบารมี มีความเพียรในการทำภารกิจจนสำเร็จ เกิดเป็นวิริยบารมี สุดท้ายเป็นทานบารมีจากการไม่คิดค่าขนส่งใด ๆ
ข้าพเจ้าขอเอาแบบอย่างพี่น้องในสายธรรมเตโชฯ มากมายที่ต่างทำบุญให้ทานกันอย่างไม่ขาดสายจนงานสำเร็จลุล่วงด้วยดี ดังที่ข้าพเจ้าประจักษ์แก่สายตาและสัมผัสด้วยจิตมาตลอด 4 ปีที่ได้เข้ามาสู่สายธรรมนี้
.
สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้รับความเมตตากรุณาจากท่านอาจารย์ คือ ข้าพเจ้าได้รับของขวัญจากการจับรางวัลจากท่านอาจารย์ เป็นถุงผ้าเล็ก ๆ สีน้ำเงินพร้อมองค์พระบรมโลกนาถ รุ่นพิเศษ ในงานวันชูชุบกำลังใจ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2565 ที่ท่านอาจารย์มีเมตตาแก่เหล่าศิษย์อาสาช่วยงานสมโภชเปิดหอมนสิการ ข้าพเจ้ามีความปลื้มปีติในความเมตตาจากท่านอาจารย์ ในใจก็คิดว่า การสร้างบารมีด้วยจิตกตัญญู โดยมุ่งสละออกนั้น ถึงไม่มีใครรู้ ไม่ได้บอกใคร แต่กระแสพระรัตนตรัยย่อมรับทราบถึงการตอบแทนพระคุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์จากศิษย์
ศิษย์ขอน้อมกราบท่านอาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล ที่เมตตาเปิดโอกาสให้ศิษย์ได้บำเพ็ญบารมีเสมอมา ด้วยความรัก ความเคารพและศรัทธาอย่างสูงยิ่ง
.
กุศลผลบุญใดที่เรื่องนี้อาจได้สร้างให้ผู้อ่านได้เกิดศรัทธาต่อสายธรรมเตโชวิปัสสนายิ่ง ๆ ขึ้นไป และเกิดศรัทธาในการสร้างบารมีด้วยจิตกตัญญูต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ข้าพเจ้าขอน้อมอุทิศบุญเป็นอาจาริยบูชาแด่ท่านอาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล
.
และขอกราบขอบพระคุณอาจารย์โสภิต เป็นอย่างสูงที่ได้มอบโอกาสแก่ข้าพเจ้าในการสร้างบารมีด้วยจิตกตัญญูในครั้งนี้