top of page

ที่สุดของโอกาสของการได้มีลมหายใจ

ประสบการณ์ธรรม ของคุณนฤต

“เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย ระหว่างการปฏิบัติบูชาเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา….สักพัก ได้มีเสียงแทรกเข้ามาในโสตสัมผัสข้าพเจ้าว่า “จะอยู่อีก 30 วัน หรือ 30ปี อยู่ที่เจ้าเลือก”

จนเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้มาเข้าคอร์สศิษย์เก่าที่เตโชวิปัสสนาสถาน ด้วยความพากเพียรเช่นเคย เมื่อการปฏิบัติสามวันผ่านไป ช่วงเช้าได้มีเสียงกระแทกเข้ามาในโสตประสาทอีกครั้ง “จะอยู่อีก 30 วัน หรือ 30 ปีนั้น อยู่ที่เจ้าเลือก”

คราวนี้น้ำเสียงในแบบที่อ่อนนุ่มแต่ทรงพลัง ทว่าความสั่นสะเทือนคราวนี้กลับไม่เหมือนเดิม ระหว่างภาวนาที่กุฏิ และเมื่อหนึ่งชั่วโมงผ่านไปเกิดสภาวะ จู่ ๆ ร่างกายก็เย็นวูบบบบบ …. เรี่ยวแรงกำลังกายและใจถดถอยไปเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงเวลาบ่าย แดดส่องเข้ามาเต็มที่ด้วยความร้อนระอุ แต่กายนั้นกลับเย็นมาก (ธาตุไฟกำลังหมดเป็นสภาวะของคนใกล้ตาย กายจึงเย็น) การรับรู้สัมผัสต่าง ๆ ดับวูบ มีจิตสังขารต่าง ๆ ผุดขึ้นมารุมเร้าแบบแทบจะเรียกได้ว่า โดนสาดยิงแบบกระสุนห่าใหญ่กระหน่ำเข้ามาในจิตเลยทีเดียว ณ ความรู้สึกตอนนั้น ช่างเสมอเหมือนกับเหตุการ์ณของคนก่อนตาย ที่มีสภาวะเช่นนี้อย่างชัดเจน เริ่มเวียนศรีษะ สายตาโฟกัสจุดสัมผัสไม่ได้เลย แขนขาก็ไม่มีเรี่ยวแรง และกำลังจะทิ้งกายอ่อนยวบ ลงนอนด้วยความหมดแรง ปวดร้าวกระหน่ำไปทั่วทั้งกายและจิตใจ

ความรู้สึกตอนนั้น เหมือนคนนอนไม่มีแรง ที่จะต้านทานหมู่นักเลงที่กำลังรุมสะกำอยู่ 7-8 คน อย่างไร้ความปราณี แต่…สติสัมปชัญญะนั้นยังคงทำงานอย่างสมบูรณ์ ก่อนที่จะโดนกิเลสหรือสิ่งชั่วร้ายที่เป็นอกุศลกรรมต่าง ๆ ลากมาลากไป ชักจูงไปไหนทิศทางใดก็ได้อย่างไร้แรงต้าน แต่มันถูกยึดไว้ด้วยสติสัมปชัญญะที่ยังคงสมบูรณ์

สภาวะนั้นข้าพเจ้ากำลังจะตายเป็นแน่แท้ ตายทั้ง ๆ ที่ยังนั่งภาวนาอยู่นั่นเหรอ เอาล่ะ รวบรวมกำลังให้ตั้งมั่นอยู่ ตั้งตนให้ตั้งอยู่ในสมาธิให้ได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็วางเฉยแล้วยอมรับมัน และจู่ ๆ ตัวจิตรู้ก็แจ้งขึ้นมาว่า… “ยังไม่ได้ ตัวอาลัยยังไม่ขาด” (แล้วก็รู้ว่าเป็นอาลัยในเรื่องใด ที่แทบไม่เชื่อตัวเองจริง ๆ ว่ามันเนียนอยู่มาได้จนป่านนี้) จากนั้นไม่นาน กำลังจิตก็ค่อย ๆ กลับมา เรี่ยวแรงก็ค่อย ๆ ฟูขึ้นมา จิตรู้ก็สำทับว่า…. “เมื่ออาลัยยังไม่ขาด ก็เข้านิพพานไม่ได้” แถมจิตยังไม่มีกำลังอีก ถ้ามันยังไปไม่ได้ ก็น่าจะดีกว่าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อฝึกฝนตนให้แกร่งยิ่งขึ้น ให้พอที่จะละสังโยชน์ที่เหลือได้ จิตนั้นดัดได้ แต่จะไปบังคับให้มันเป็นอิสระไม่ได้ ถ้ากำลังจิตมันยังไม่พร้อม ก็ที่เห็นว่าพร้อมนั่นแหละจะเป็นตัณหา

ผมเรียนสภาวะทั้งหมดให้ท่านอาจารย์พิจารณารับทราบ ท่านกล่าวว่า “ อยากอยู่ต่อก็ไปขอ ไม่อยากอยู่ก็เฉย ๆ ไป” “ทำได้เลยหรือครับ ไม่ต้องมีขั้นตอนใดหรือครับ” “ก็ถ้ามีบุญพอก็ต่อเองได้เลย เร็ว ๆ นี้ได้ไปไถ่ชีวิตโคกระบือมามั้ย” “เพิ่งไปทำก่อนมาเข้าคอร์สครับ จริง ๆ ก็ทำมาตลอดใครเปิดให้ร่วมก็ไปร่วมกับเค้า แต่อยากทราบครับว่าทำไมครั้งที่แล้วได้ต่ออายุขัยไปแล้วที่ อายุ 60 ปี แต่ทำไมถึงได้หมดเร็ว ศิษย์ได้ทำอะไรผิด หรือต้องแก้ไขหรือไม่ครับ” “พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านก็เมตตาแบ่งบุญต่อให้ตามนั้นแหละ แต่มันอยู่ที่จิตเราเอง ที่เปรียบเหมือนภาชนะที่เล็ก ณ เวลานั้นจิตมันเปิดรับบุญได้เท่านั้น มันก็รับได้เท่านั้น ตอนนี้จิตเปิดกว้างขึ้นก็จะรับได้มากขึ้น ถ้าอยากอยู่อีก 30 ปี ก็ไปขอต่อ 30 ปี ส่วนจะได้เท่าไหร่ก็อีกเรื่องนึง เบื้องบนให้ขอต่อก็ขอไปก่อนพอมันใกล้จะหมด ก็จะมีเหตุการ์ณมาเตือนแบบนี้อีก ก็ไปขอต่ออีก ตราบใดที่เรายังคงความเพียรและศีลเรามั่นคง ไม่มีจิตไปก่อความเสียหายแก่สายวิชาและครูบาอาจารย์จนเป็นศิษย์อกกตัญญู ก็จะต่อได้เรื่อย ๆ” ข้าพเจ้าน้อมกราบท่านอาจารย์ที่มีมหาเมตตายิ่งจริง ๆ ที่ท่านได้ชี้นำแนวทางและช่วยเหลือถึงขนาดนี้

สภาพในวันหลังจากนั้น มันช่างไม่ต่างอะไรกับการใช้ชีวิตด้วยการนำของสติสัมปชัญญะจริง ๆ กายไม่มีแรงใด ๆ ได้แต่เดินลากเท้าไปนั่นไปนี่ ด้วยสภาพอิดโรยไม่ต่างอะไรกับผักที่อยู่บนรถเข็น ต่างที่ต้องเข็นเองหนักเอง ที่ทำให้ตัวสติที่คมอยู่นั้นลากไปมา

วันรุ่งขึ้น จากการทำกิจเช้าเสร็จก็ได้ไปตั้งจิตกราบขอต่ออายุขัยที่ลานโพธิ์อันศักดิ์สิทธิ์ของธรรมสถานแห่งนี้ โดยตั้งจิตว่าตามที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของตน จากนั้น เมื่อกำลังปฏิบัติเตโชวิปัสสนา เพื่อถวายบุญเป็นอาจาริยบูชา แด่พระอาจารย์สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังษี เมื่อได้หลับตาทำจิตให้เป็นสมาธิ ทันใดนั้นก็ ปรากฎ เห็นดวงจิตท่านสมเด็จพุฒาจารย์โต เดินเข้ามาหากระผมจากเบื้องหน้า กล่าวว่า

“ เอ้า ฟัง !! ฟังนะ 12 ปี 12 ปีเอาให้อยู่นะ นี่เห็นแก่ว่าเป็นคนมีปัญญา และว่านอนสอนง่าย ถึงแม้ว่าจะดื้อแต่ก็สอนได้ เดินทางมาสามกึ่งสี่กึ่งจะถอยไม่ได้แล้วนะ (เข้าใจว่าเดินมาไกลมากแล้ว) ให้หยุดงานสามสี่วันอาการก็จะดีขึ้น ส่วนเรื่องบวชให้พิจารณาเอาเอง ถ้าบวชก็จะก้าวหน้าเร็ว ถ้าไม่บวชก็ช้าหน่อย จิตเจ้าเป็นแบบนี้ แค่เวลาเห็นพระสงฆ์สวดมนต์จิตใจเราก็พองฟูแล้วนั่นแหละ มันเป็นสังขารเดิม มีความเป็นอหิงสา จึงชอบการปฏิบัติแบบสันโดษ ส่วนเรื่องหมดอายุขัยที่เกิดขึ้น เพราะเจ้าอยู่ในช่วงรอต่ออายุขัย ทำให้สังขารกรรมที่ขุดขึ้นมาแต่ยังชำระไม่หมด มันรวมตัวกันแสดงผล ทำให้กลายเป็นกรรมตัดรอนแทรกขึ้นมา แต่ก็ดีขึ้นมาแล้วก็จะชำระหมดเร็วขึ้นนะ “…. จากนั้นท่านพระอาจารย์ใหญ่ได้เน้นย้ำถึงสามครั้งว่า “ให้ฟังแต่ท่านอาจารย์กับหลวงพ่อเท่านั้นนะ” ท่านกล่าวย้ำ ๆ แล้วเดินกลับหายไป (หลวงพ่อสัญชัย จิตตภโล)

ใช่ว่าคนเราจะหมดโอกาสไปเสียทุกเมื่อ อยู่ที่ว่า เวลาที่ท่านมีโอกาสท่านสามารถคว้ามันไว้ได้หรือเปล่า ท่านอาจอ่านด้วยความเพลิดเพลินในเรื่องเหลือวิสัย แต่ผมเขียนขึ้นเพื่อให้ท่านตระหนักว่า ปัจจุบันที่มี คือสิ่งที่มีค่ามาก จำไว้เถิดครับว่า โอกาสไม่ได้มีแบบนี้กับทุกคน แม้แต่ผมเองก็ไม่เคยคิดว่าตนเป็นคนดี ยังต้องเป็นผู้ฝึกตนอยู่อีกมาก ตราบใดที่เคยทำชั่วมาก่อน เราก็เหมือนแก้วใสที่เคยใส่น้ำปลา ถึงจะใสสว่างแค่ไหน ดมใกล้ ๆ ก็ยังมีกลิ่นคาวค้างอยู่ พึงเร่งชำระจิตให้บริสุทธิ์เถิดครับ”

#รชด #ภาวนา #สตปฏฐานส #พระอาจารยสมเดจพฒาจารยโต #รใหชด #เรองเลา #พระอาจารยสมเดจโต #ฆราวาส #ธรรมะ #ฝกสต #เพงดกาย #สมปชญญะ #สมาธ #ชำระจต #สต #ฝกสมปชญญะ #เตโชธาต #รตวทวพรอม #อาจารยอจฉราวดวงศสกล #ดจต #นอกวด #เพยรเผากเลส #ปฏบตธรรม #เผากเลส #วางเฉย #ฆราวาสบรรลธรรม #สมเดจโต #อเบกขา #วปสสนา #เพง #ขณะจต #นพพาน #เพยร #ธรรมแท #เพงดจต #กรรมฐาน #หลดพน #สมเดจพฒาจารยโต #เตโช #สตสมปชญญะ #จตบรสทธ #เตโชวปสสนา #ประสบการณ #เพยรภาวนา

bottom of page