โดย คุณจุไรรัตน์

ในทางพระพุทธศาสนาความกตัญญูนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง ดังพุทธภาษิต ว่า “ภูมิ เว สาธุรูปานํ กตัญญูกตเวทิตา” อันมีความหมายว่า “ความกตัญญูกตเวทีเป็นพื้นฐานของคนดี” ซึ่งย่อมเป็นพื้นฐานและเป็นแนวทางไปสู่ความเจริญ บุคคลย่อมต้องพึงกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ต่อพ่อแม่ ครูอาจารย์ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ท่านอาจารย์ยังกล่าวรวมถึงผืนแผ่นดินเกิด และผืนดินผืนน้ำในประเทศชาติที่เราพึงอยู่พึงอาศัย
..
ข้าพเจ้าได้ฟังธรรมจากท่านอาจารย์หลายครั้งหลายโอกาสเรื่องพลังกตัญญู แต่ละครั้งให้ความซาบซึ้งในธรรมเทศนา บางครั้งก็น้ำตาไหล มีครั้งหนึ่งที่ข้าพเจ้าตั้งใจแน่วแน่ที่จะฟังเทศนาธรรมของท่านอาจารย์ให้ปักลงในจิตทุกตัวทุกถ้อยคำไม่ให้จิตหลุด และน้อมจิตตามด้วยความแน่วแน่ กายตั้งตรง ต้องใช้คำว่า “กายนิ่งจิตนิ่ง” รวมจิตเป็นหนึ่งเดียว เปี่ยมล้นด้วยกระแสธรรมกำซาบสู่จิต เกิดความกระจ่างแจ้งในธรรม
เมื่อท่านอาจารย์เมตตาให้ภาวนาที่เรือนโพธิ์ เรือนธรรม หรือกุฏิ ข้าพเจ้าก็บำเพ็ญเพียรตั้งมั่นเกิดความเสถียรมั่นคงยิ่ง เป็นมหาสติไม่หวั่นไหว จิตก็ทำหน้าที่รู้อยู่เช่นนั้นเอง “อ้อ” การฟังธรรมด้วยความนิ่ง และต่อเนื่องทุกคำของท่านอาจารย์มิให้หลุดเป็นเช่นนี้เอง ย่อมเกิดพละกำลัง วิริยะอันไม่ย่อหย่อน มีความมั่นคงในธรรมอันยิ่งยวด
..
ช่วงค่ำ เมื่อได้ฟังธรรมของพระอาจารย์อมร คุณวุฑฺโฒ ที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เรื่องพลังกตัญญู กล่าวถึงชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า ที่กตัญญูแบกมารดาว่ายน้ำอยู่ในท้องทะเลหลังจากที่เรืออับปางลง พระพุทธองค์ในขณะนั้นได้เห็นความทุกข์ของการเวียนเกิดเวียนตายอันไม่มีประมาณของเวไนยสัตว์ จากการที่ผู้ร่วมทางถูกสัตว์ร้ายในท้องทะเลกัดกินร้องเจ็บปวดโหยหวน ท้องทะเลฉาบไปด้วยสีแดงของเลือด จนได้ตั้งปณิธานอันแรงกล้า มีความปรารถนาจะปลดปล่อยเวไนยสัตว์ให้พ้นจากความทุกข์ทั้งปวง ธรรมะครั้งนี้หยั่งลึกลงในจิตข้าพเจ้า เกิดปีติซาบซ่าน ขนลุกขนชัน ซาบซึ้ง น้ำตาไหลอาบแก้ม
ในคอร์สเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา วันหนึ่งในช่วงบ่าย ข้าพเจ้าภาวนายาวนานด้วยความมุ่งมั่นและตั้งจิตตั้งใจเต็มกำลัง เกิดความร้อนตลอดทั้งกาย ทั้งแสบที่มือเจ็บปวดทั้งตัว เกิดมีความทุกข์ทรมานอย่างมาก แต่ด้วยความกตัญญูยิ่ง จึงตั้งจิตว่า แม้จะทรมานสักเพียงใดกายนี้ก็มิใช่ของเรา เรามาบำเพ็ญเพื่อกาลใด มาเพื่อตอบแทนคุณท่านอาจารย์ ดังนั้นแม้เลือดในกายจะหลั่งไหล “ตายเป็นตาย ตายก็ให้มันตายไปเลย” ขอถวายกายนี้แด่พระบรมศาสดาและพ่อแม่ครูอาจารย์ จึงใช้พลังแห่งขันติ ทนต่อความร้อนและความทุกข์ทรมานของกายอันยิ่งนี้ ในที่สุด เสียงระฆังดัง “ชนะแล้ว การออกศึกครั้งนี้ ข้าพเจ้าชนะแล้ว ชนะศึกของกิเลสในจิตตน”
เมื่อขึ้นภาวนาในช่วงค่ำ เกิดความอัศจรรย์ขณะที่ข้าพเจ้าภาวนา เกิดการแยกกายแยกจิตโดยอัตโนมัติ แต่จิตก็รู้อยู่เฉย ๆ กายเบาอยู่เช่นนั้น จิตก็ดูอยู่เช่นนั้น ข้าพเจ้าก็เกิดปัญญาว่า อ๋อ เมื่อจิตกตัญญูตั้งใจทดแทนคุณท่านอาจารย์ ปัญญาจึงเกิด เมื่อกายไม่ใช่ของเราก็แยกส่วนกันชัดเจน อุเบกขาที่แท้จริงเป็นเช่นนี้เอง ตามคำสอนของท่านอาจารย์ เราก็แค่รู้อยู่เช่นนั้น เวลาภาวนาก็มีแค่จุดสัมผัส กับอุเบกขาทุกวินาที เช่นนี้เอง สิ่งที่เกิดกับกาย หรือเกิดกับจิต ก็เป็นเพียงธรรมะแสดงผล ความฟุ้งซ่านย่อมไม่เกิด แม้ความคิดก็ไม่ใช่ของเรา รู้อยู่เช่นนั้น จิตก็สอนขึ้นมาว่า “พลังกตัญญู เป็นบารมีที่ทำให้แจ้งในธรรม”
ข้าพเจ้าขอเล่าเรื่องพลังกตัญญูที่ได้ประสบมาเรื่องหนึ่ง เป็นช่วงเวลาก่อนเดินทางไปอินเดีย ข้าพเจ้าบอกขายที่ดินมานานหลายปี เป็นแปลงที่ไม่สวย มีแต่น้ำและเนื้อที่ยาวเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยว ในเช้าวันนั้นจึงได้ตัดสินใจแน่วแน่ด้วยพลังกตัญญูต่อท่านอาจารย์ ไม่มีสิ่งใดมาสั่นคลอน พลังกตัญญูท่วมท้นอยู่ในจิตหวังตอบแทนท่านอาจารย์ที่เปรียบเสมือนมารดาที่มีพระคุณ เมื่อตัดสินใจได้แล้วข้าพเจ้าก็รู้สึกปล่อยวาง เบาและสบายใจอย่างยิ่ง เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันนั้น ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แจ้งว่าที่ดินแปลงนี้ลดราคาได้ไหม โดยไม่คาดคิดในวันนั้นเองผู้ซื้อก็เข้ามาวางมัดจำที่ดิน หนึ่งล้านบาท อึ้งมากเลยค่ะ นี่เราขายที่ดินแปลงนี้ได้แล้วหรือ ด้วยความงงที่ขายมาหลายปียังขายไม่ได้ เวลาขายได้ก็ขายง่าย ๆ ซะงั้น ต่อรองราคาทางโทรศัพท์ช่วงเช้า ตอนบ่ายเขาก็เข้ามาทำสัญญาเลย และก็โอนเงินหลังจากกลับจากอินเดียเพียง 3 วัน ความกตัญญูที่ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เป็นมวลพลังมหาศาลที่นำพาโชคลาภเกื้อหนุนชีวิตและช่วยขจัดอุปสรรคทั้งปวง สร้างกำลังจิตกำลังใจให้ข้าพเจ้าอย่างยิ่ง
ขอให้เพื่อน ๆ กัลยาณมิตรทั้งหลายที่เปี่ยมล้นด้วยจิตกตัญญูในวันนี้ ขอให้ความกตัญญูแนบแน่นในหัวใจของทุกท่านตลอดไป เราไม่ต้องหวังว่าพลังกตัญญูจะช่วยอะไรท่านบ้าง แต่เมื่อเกิดแนบแน่นในจิต โดยเฉพาะพลังกตัญญูต่อพระบรมศาสดา ท่านอาจารย์ และสายธรรม เหตุปัจจัยยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ยิ่งไม่หวัง ยิ่งเกื้อกูล ยิ่งไม่ปรารถนาสิ่งใด ยิ่งตอกย้ำความสำเร็จ ด้วยเหตุปัจจัยที่ดำรงเปี่ยมด้วยพลังกตัญญูอันสร้างไว้ดีแล้ว ความเจริญรุ่งเรืองย่อมบังเกิด..
..
น้อมกราบพระบรมศาสดา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความเคารพนอบน้อมในพระมหากรุณาธิคุณเหนือเศียรเกล้าเจ้าค่ะ และขอน้อมกราบสำนึกในพระคุณของพ่อแม่ครูอาจารย์ พระอาจารย์ใหญ่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ท่านอาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล พระอาจารย์สัญชัย จิตฺตภโล และพระอาจารย์อมร คุณวุฑฺโฒ ด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ